คำถามที่พบบ่อย

1.ก่อนตัดสินใจซื้อทรัพย์กับบริษัท ต้องทำอย่างไรบ้าง

ตอบ บริษัทขายทรัพย์ตามสภาพที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน และตามข้อมูลที่ระบุในเอกสารสิทธิ์ ลูกค้าต้องตรวจสอบสภาพทรัพย์ ทำเลที่ตั้ง ขนาดเนื้อที่ และข้อมูลต่างๆด้วยตนเองก่อนตัดสินใจ

2.สามารถเข้าชมทรัพย์ได้หรือไม่

ตอบ ทำได้โดยนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายล่วงหน้าเพื่อพานำชม หากเป็นที่ดินเปล่าสามารถไปชมทรัพย์ได้ด้วยตนเอง ตามแผนที่ที่ปรากฎบนเว็บไซต์ของบริษัท หรือสอบถามรายละเอียดที่ตั้งทรัพย์กับทางบริษัทได้

3.กรณีที่ยังมีผู้ใช้ประโยชน์ภายในทรัพย์สิน บริษัทจะดำเนินการขับไล่ให้หรือไม่

ตอบ หากทรัพย์สินได้รับการโอนกรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทแล้ว บริษัทจะมีขั้นตอนเจรจาต่อรอง หรือ ดำเนินการฟ้องบังคับขับไล่ตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่หากมีผู้เสนอซื้อทรัพย์ในขณะที่การฟ้องขับไล่ยังไม่แล้วเสร็จ และบริษัทได้อนุมัติขายตามสภาพแล้ว บริษัทจะยุติการขับไล่ทั้งหมด และเป็นภาระของผู้ซื้อที่จะต้องดำเนินการขับไล่เองต่อไป

4.หากสนใจซื้อทรัพย์ สามารถต่อรองราคาได้หรือไม่

ตอบ แล้วแต่กรณี ขึ้นอยู่กับทรัพย์แต่ละแปลง และนโยบายของบริษัทในการจัดโปรโมชั่นส่วนลด ทั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทก่อน

5.บ้านซื้อตรงกับบริษัท หรือกับใคร

ตอบ ซื้อตรงกับบริษัท

6.ทรัพย์สินที่ขายยังติดจำนองหรือติดบังคับคดีหรือไม่

ตอบ ทรัพย์ที่บริษัทประกาศขายเป็นทรัพย์ปลอดจำนอง และบริษัทซื้อได้จากการขายทอดตลาด หรือรับโอนทรัพย์ชำระหนี้จากลูกหนี้มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

7.บริษัทให้เช่าด้วยหรือไม่

ตอบ ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่มีนโยบายให้เช่า

8.ขั้นตอนการซื้อทรัพย์กับบริษัท ต้องทำอย่างไรบ้าง

ตอบ 1. วางมัดจำ 10 % ของราคาเสนอซื้อทรัพย์ เพื่อยื่นเรื่องขอเสนอซื้อ โดยรูปแบบแคชเชียร์เช็ค/ดราฟท์ หรือโอนเงินมัดจำเข้าบัญชีของบริษัท (แล้วแต่กรณี)
2. รอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการของบริษัท (ทราบผลประมาณ 1 – 2 สัปดาห์นับจากวางมัดจำ)
3. เมื่อคณะกรรมการอนุมัติแล้ว ให้ผู้ซื้อเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายภายใน 15 วันทำการ
4. ชำระเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย็สิน ณ สำนักงานที่ดิน ภายใน 60 วันนับจากวันที่ได้รับการอนุมัติจากบริษัท

9.การซื้อทรัพย์กับบริษัท ใช้เอกสารอะไรบ้าง

ตอบ กรณีซื้อในนามบุคคล
1. สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ/ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์
2. สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ชำระเงิน (กรณีผู้ชำระเงินไม่ใช่บุคคลเดียวกับผู้รับโอนกรรมสิทธิ์)
3. สำเนาการเดินบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นบัญชีที่ถอนเงินมาชำระค่าซื้อทรัพย์แปลงนั้นๆ
4. สำเนาใบคำขอซื้อแคชเชียร์เช็ค/ดราฟท์ หรือสำเนาใบโอนเงิน
กรณีซื้อในนามนิติบุคคล
1. หนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน 1 เดือน)
2. บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
3. งบการเงินปีล่าสุด
4. สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
5. สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้ชำระเงิน
6. สำเนาการเดินบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นบัญชีที่ถอนเงินมาชำระค่าซื้อทรัพย์แปลงนั้นๆ
7. สำเนาใบคำขอซื้อแคชเชียร์เช็ค/ดราฟท์ หรือสำเนาใบโอนเงิน

10.หากวางมัดจำเพื่อเสนอซื้อแล้ว แต่บริษัทไม่อนุมัติขาย จะได้รับเงินมัดจำคืนหรือไม่

ตอบ หากเงื่อนไขการเสนอขอซื้อ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของบริษัท บริษัทจะคืนเงินมัดจำให้กับลูกค้าภายใน 14 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา

11.นอกจากราคาซื้อขายแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกหรือไม่

ตอบ ผู้ซื้อต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน ในอัตรา 6.3% แบ่งออกเป็น
- ค่าธรรมเนียมโอน คิดอัตรา 2% ของราคาประเมินราชการ
- ค่าภาษีธุกิจเฉพาะ คิดอัตรา 3.3 % และภาษีเงินได้นิติบุคคล คิดอัตรา 1% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมินราชการอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีมูลค่าสูงกว่า

12.หากวางมัดจำเพื่อเสนอซื้อแล้ว แต่ต่อมาลูกค้าไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร จะสามารถขอรับเงิน มัดจำคืนได้หรือไม่

ตอบ หากคณะกรรมการของบริษัทอนุมัติขายทรัพย์ให้กับลูกค้าแล้ว จะไม่สามารถขอรับเงินมัดจำคืนได้
ในกรณีที่ลูกค้าต้องการใช้สินเชื่อ ลูกค้าควรปรึกษากับธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจวางเงินมัดจำเพื่อเสนอซื้อทรัพย์กับบริษัท

13.หากต้องการเปลี่ยนชื่อผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ สามารถทำได้หรือไม่

ตอบ ผู้ซื้อจะต้องมีหนังสือแจ้งเปลี่ยนชื่อผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ให้บริษัททราบล่วงหน้าก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของบริษัทก่อน

14.สามารถขอสินเชื่อและผ่อนกับบริษัทได้หรือไม่

ตอบ ทางบริษัทไม่ได้ดำเนินการยื่นขอสินเชื่อให้กับลูกค้า ลูกค้าต้องติดต่อธนาคารด้วยตนเอง

15.เอกสารประกอบการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารมีอะไรบ้าง

ตอบ 1. หนังสือขอเสนอซื้อทรัพย์สิน หรือ สัญญาจะซื้อจะขาย
2. สำเนาโฉนดที่ดินแปลงที่ต้องการซื้อ
3. สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชน / เอกสารของบริษัท ห้างร้าน (กรณีซื้อในนามนิติบุคคล)
4. สำเนาการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลังประมาณ 6 เดือน
5. สลิปเงินเดือน/หนังสือรับรองเงินเดือน
หรือเอกสารเพิ่มเติมอื่นๆที่ทางธนาคารแต่ละแห่งร้องขอ (กรุณาติดต่อสอบถามธนาคารด้วยตนเอง)
ทั้งนี้ทางบริษัทสามารถจัดเตรียมสำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือขอเสนอซื้อทรัพย์สิน และ/หรือ สัญญาจะซื้อจะขายทรัพย์สิน ให้กับผู้ซื้อได้